กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ
สำนักส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย เป็นเจ้าภาพประชุมเตรียมการการเปิดเทอมรองรับสถานการณ์ COVID
ผ่าน vdo conference : Cisco webex Meeting ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2563 เวลา 09.00 – 12.00 น.
ณ ห้องประชุมสมบูรณ์ วัชโรทัย อาคาร 1 ชั้น 2 กรมอนามัย
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหารือเตรียมการเปิดเทอม รองรับสถานการณ์ COVID -19
โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจาก สำนักวิชาการต่างๆ ในกรมอนามัย ผู้แทนจากศูนย์อนามัยทุกแห่ง กรมควบคุมโรค กรมสุขภาพจิต กรมสนับสนุนบริการ กรมการแพทย์ คณะกรรมการอาหารและยา ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย WHO ประเทศไทย องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย สำนักงานกองทุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และกระทรวงศึกษาธิการ มีการนำเสนอสถานการณ์และมาตรการการควบคุมป้องกันการระบาดของโรค COVID -19 ในสถานศึกษา โดยกรมควบคุมโรค และการนำเสนอการเรียนการสอน ช่วงเปิดเทอม รองรับสถานการณ์ COVID-19 โดยกระทรวงศึกษาธิการ
สรุปเนื้อหาจากผลการนำเสนอและการอภิปราย ได้ดังนี้
>> กระทรวงศึกษาธิการ ประกาศเปิดภาคการศึกษา 1 กรกฎาคม 2563 โดยมีช่องทางการเรียนรู้ 4 ช่องทาง
1. การจัดการเรียนการสอนด้วยเทคโนโลยีการศึกษาทางไกล : จะเริ่มทดสอบระบบการจัดการเรียนการสอน ผ่านระบบนี้ ตั้งแต่ วันที่ 18 พฤษภาคม 2563 โดยใช้ช่องทีวีดิจิทัล (DL TV) ทั้ง 17 ช่อง (สพฐ. 15 ช่อง กศน. 1 ช่อง และ อาชีวศึกษา 1 ช่อง) โดยมีหมายเลขเรียงกัน เพื่อให้ผู้ปกครองและเด็กจดจำง่ายและเข้าไปดูได้โดยไม่สร้างความยุ่งยาก
2. สื่อเสริม ผ่านระบบ Digital
3. การเรียนเสริมผ่านระบบที่สามารถโต้ตอบได้ (อยู่ในระหว่างการจัดทำระบบ)
4.การเรียนแบบกะ เพื่อไม่ให้นักเรียนเข้าเรียนพร้อมกันทั้งโรงเรียน
ทั้งนี้ กระทรวงศึกษา จะออกแบบการเรียนการสอน กลาง 80 % และอีก 20 %เป็นการเรียน ที่ให้พื้นที่ออกแบบเอง
ซึ่งการเข้าเรียน ในโรงเรียน จะเปิดพ้อมกันทั่วประเทศ 1 กรกฎาคม 2563 แต่การที่ โรงเรียน จะเปิดให้นักเรียนเข้าเรียนในสถานศึกษาได้หรือไม่ หรือเริ่มเข้าเรียน เป็นบางชั้น ให้ขึ้นกับ คณะกรรการ สบค.แต่ละจังหวัด เป็นผู้ประเมินสถานการณ์ความเสี่ยงและการแพร่ระบาดในแต่ละพื้นที่
>> ที่ประชุม มีมติ ในการกำหนดมาตรการ แนวทางในการเตรียมการการเปิดเทอมรองรับสถานการณ์ COVID เป็น 3 ช่วง คือ
โดย ให้ร่างแนวทางมาตรการ เป็น 2 setting คือ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และโรงเรียน (เริ่มตั้งแต่ชั้น อนุบาล)
ทั้งนี้ มีความเห็น ให้ ทุกหน่วยงาน ทั้ง องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และภาคส่วนต่างๆ ร่วมกัน ผลิตเอกสาร ร่วมกัน เพื่อเสนอ คณะกรรมการ สบค. ระดับประเทศ ให้ความเห็น และประกาศใช้ เป็นมาตรการกลาง เพื่อให้กระทรวงศึกษาธิการนำไปปฏิบัติ และบังคับใช้ ส่วนมาตรการเสริม เพิ่มความเข้มงวดอื่นๆ ขึ้นกับ คณะกรรมการ สบค. ระดับจังหวัด ที่จะมีมาตรการเพิ่มเติม ตามสถานการณ์การระบาด และความเสี่ยง ของโรคในพื้นที่นั้นๆ
โดยมอบหมายให้คณะทำงานเร่งดำเนินการผลิตเอกสาร ให้แล้วเสร็จกลางเดือนพฤษภาคม เพื่อนำเสนอคณะกรรมการ ระดับประเทศ ให้ความเห็น นอกจากนี้ที่ประชุม ได้ฝากให้คณะทำงานพิจารณา มาตรการแนวทางปฏิบัติ (SOP) กลางและในสถานศึกษาที่มีข้อจำกัด ทั้งสถานที่ งบประมาณ ความพร้อมของผู้ปกครอง เพิ่มเติม เพื่อยกตัวอย่างการปรับ หรือออกแบบ ให้พื้นที่ มีแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เป็นไปได้ภายใต้ ข้อจำกัดนั้นๆ รวมถึงให้ ระบบเชื่อมโยงกับหน่วยงานอื่นๆ เช่น การจัดรถบริการรับ ส่ง นักเรียน เพื่อให้เกิด Physical Distancing ไม่ให้ นักเรียนแออัดในรถ ระบบการช่วยเหลือของท้องถิ่น ระบบการดูแลเพื่อไม่ให้เด็กถูกทำร้ายด้านจิตใจ สังคม กรณีเป็นกลุ่มเสี่ยง เป็นต้น
นอกจากนี้ ที่ประชุม ยังเสนอให้ใช้ Thailand Safe School Network เป็น Data Base เพื่อการตรวจสอบ ติดตามโรงเรียน ให้ผู้ดูแล โรงเรียน สามารถประเมินความพร้อมของตนเอง ก่อนการเปิดสถานศึกษา และใช้ Thai Stop Covid ของกรมอนามัย เพื่อเป็นช่องทางให้ภาคีเครือข่าย ที่เกี่ยวข้อง สามารถส่งข่าวสาร (feedback) ขั้นตอน หรือเหตุการณ์ ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน
แผนที่จะดำเนินการต่อ :
>> แต่งตั้งคณะกรรมการ โดยเสนอให้ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปลัดกระทรวงกระทรวงศึกษาธิการ และ เลขาธิการคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นที่ปรึกษา และให้คณะทำงานจัดทำแนวทางการปฏิบัติของสถานศึกษาในสถานการณ์ COVID 19 โดยเฉพาะแนวทางก่อนการเปิดเรียน (reopening Frame work) ให้เสร็จสิ้น ก่อน 15 พฤษภาคม 2563
>> ส่วนการปรับใช้ในระดับจังหวัดให้เป็นบทบาทของคณะกรรมการระดับจังหวัด ที่มี ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้รับรองแผน
>> ฝากประเด็นให้ กรมควบคุมโรคให้แนวทางการพิจารณาสั่งปิดสถานศึกษา ในกรณี มีการติดเชื้อหรือมีกลุ่มเสี่ยงในสถานศึกษา
เอกสาร :
https://drive.google.com/drive/folders/1gRM9VDrfluk4aZUYsxcnedu8VGOiKDC-
https://bit.ly/3f003HY
