
คำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice)
ศูนย์อนามัยที่ 11 นครศรีธรรมราช กรมอนามัย
(สำหรับการบริการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม การแพทย์และสาธารณสุข)
กรมอนามัย ตระหนักและให้ความสำคัญในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้มาติดต่อและใช้บริการของกรมอนามัย (“ท่าน”) โดยกรมจะดูแลและบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างโปร่งใส เป็นธรรม และเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลรวมถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
โดยประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ (“ประกาศ”) จะแจ้งให้ท่านทราบถึงวิธีการที่กรมอนามัยเก็บรวบรวม
ใช้ เปิดเผย และปกป้องดูแลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
กรมอนามัยขอแนะนำให้ท่านอ่านและทำความเข้าใจประกาศนี้ก่อนให้ข้อมูลส่วนบุคคลกับกรมอนามัย หากท่านมีข้อกังวล ข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกาศนี้ตลอดจนถึงประกาศและนโยบายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โปรดติดต่อกรมอนามัยตามช่องทางการติดต่อที่ปรากฏท้ายประกาศนี้
กรมอนามัยในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อให้การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้กรมอนามัย ดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังนี้
1. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล
กรมอนามัยจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลสุขภาพจากเจ้าของข้อมูลโดยตรงและอาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลสุขภาพทางอ้อมจากข้อมูลที่เจ้าของข้อมูลหรือตัวแทนของเจ้าของข้อมูลให้ไว้กับกรมอนามัย หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าของข้อมูล โรงพยาบาลหรือหน่วยงานภายในอื่น ๆ ของกรมอนามัย หน่วยงานพันธมิตร การให้บริการทางโทรศัพท์ บริการทางด้านดิจิทัลต่าง ๆ ของกรมอนามัยรวมถึง การใช้งานเว็บไซต์ การดาวน์โหลดข้อมูลจากแอปพลิเคชันจากแหล่งข้อมูลอื่นใดที่เชื่อถือได้ เช่น สมาคมองค์กรของรัฐ หน่วยงานภาครัฐ องค์กรเอกชน งานสัมมนา งานฝึกอบรม งานออกร้าน ทั้งที่กรมอนามัยจัดขึ้นเองหรือองค์กรภาครัฐ และภาคเอกชนอื่น ๆ รวมไปถึงสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ เป็นต้น ทั้งนี้เป็นไปเพื่อประโยชน์ในการให้บริการสุขภาพและเพื่อการดูแลสุขภาพของเจ้าของข้อมูล ตามภารกิจภายใต้อำนาจหน้าที่ของกรมอนามัย
2. ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่กรมอนามัยจัดเก็บ
-
ข้อมูลระบุตัวตน เช่น ชื่อ นามสกุล เลขบัตรประจำตัวประชาชน รูปถ่ายใบหน้า เพศ วันเดือนปีเกิด หนังสือเดินทาง หรือหมายเลขระบุตัวตนอื่น ๆ
-
ข้อมูลสำหรับการติดต่อ เช่น ที่อยู่ อีเมล หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรศัพท์มือถือ
-
ข้อมูลอ่อนไหว เช่น ศาสนา ข้อมูลสุขภาพ รวมถึง หมู่โลหิต ประวัติการเจ็บป่วย ประวัติการรักษาพยาบาล ประวัติการแพ้ยาหรือแพ้อาหาร ประวัติการพบแพทย์เวชกรรม แพทย์แผนไทย ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพ ประวัติทันตกรรม ประวัติกายภาพบำบัด ความต้องการพิเศษในการรักษาพยาบาล ข้อมูลชีวภาพ เช่น ข้อมูลพันธุกรรม พฤติกรรมทางเพศ เป็นต้น
-
ข้อมูลเพื่อประกอบการวินิจฉัยโรค / เพื่อติดตามการรักษา เช่น ข้อมูลปัจจัยเสี่ยง ข้อมูลการประสบอุบัติเหตุ พฤติกรรมการใช้ชีวิต การบริโภคหรือพฤติกรรมการนอน รวมไปถึงการถ่ายภาพนิ่งภาพเคลื่อนไหวหรือกระทำการใด ๆ ตามหลักวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
-
ข้อมูลทางการเงิน เช่น ข้อมูลบัตรเครดิตและบัตรเดบิต ข้อมูลการทำธุรกรรม รวมถึงราคาวิธีการชำระเงิน และรายละเอียดการชำระเงินอื่น ๆ
-
ข้อมูลสิทธิประโยชน์การรักษาพยาบาล เช่น สิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า ประกันสังคม สวัสดิการราชการ หรือ สวัสดิการอื่น ๆ การประกันสุขภาพและประกันภัย
-
ข้อมูลบัญชีผู้ใช้ เช่น ชื่อผู้ใช้ รหัสผ่านที่ใช้เข้าถึงเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน
-
ชื่อบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ การแสดงความเห็นการซักถามการโต้ตอบในสื่อสังคมออนไลน์ ความสนใจของท่าน และบริการที่ท่านใช้
-
ข้อมูลบุคคลในครอบครัว เช่น ข้อมูลบิดา มารดา พี่ น้อง คู่สมรส บุตร ผู้ปกครอง ญาติ และรายละเอียดการติดต่อในกรณีฉุกเฉิน
-
ข้อมูลอื่น ๆ เพื่อประโยชน์ในการให้บริการสุขภาพและเพื่อการดูแลสุขภาพของเจ้าของข้อมูล
3. วัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูล (การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูล) ส่วนบุคคล
กรมอนามัย มีวัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้
-
เพื่อการให้บริการทางการแพทย์แก่ท่านในทุกช่องทาง ซึ่งรวมถึงการระบุตัวตนของคนไข้การจัดตาราง และแจ้งเตือนการนัดพบแพทย์หรือตารางการรักษาพยาบาล การวิเคราะห์ วินิจฉัยและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลแก่ท่าน การดูแลให้ความปลอดภัยแก่ท่านขณะรักษาพยาบาลหรือเข้าพักในสถานที่ของกรมอนามัย การให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาลแก่ท่าน ประสานงานกับหน่วยงานภายใน
หรือหน่วยงานภายนอก เกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของท่าน เป็นต้น
-
เพื่อการค้นคว้า วิจัย ทดลอง และพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ การรักษาพยาบาล
หรือการให้บริการของกรมอนามัย เช่น การวิจัยวัคซีนชนิดต่าง ๆ หรือการวิเคราะห์ และทดลองการตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีการต่าง ๆ เป็นต้น
-
เพื่อการศึกษาวิจัยหรือการจัดทำสถิติ รายงานที่เป็นไปตามวัตถุประสงค์การดำเนินงาน
ของกรมอนามัย ตามที่กฎหมายกำหนด
-
เพื่อให้กรมอนามัย สามารถให้ความช่วยเหลือตอบข้อซักถามและข้อร้องเรียนของท่าน
-
เพื่อเชิญท่านเข้าร่วมกิจกรรมโครงการต่าง ๆ ของกรมอนามัย เพื่อช่วยกรมอนามัย
พัฒนาปรับปรุงบริการ และการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ บริการ หรือร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของกรมอนามัย
โดยการเข้าร่วมดังกล่าวขึ้นอยู่กับความสมัครใจและจะไม่กระทบต่อการเข้าถึงบริการของกรมอนามัย
-
เพื่อสนับสนุนกิจกรรมด้านการศึกษา เช่น เพื่อให้การศึกษาต่อนักศึกษาแพทย์และนักศึกษาพยาบาล ซึ่งปฏิบัติงานภายในโรงพยาบาลของกรมอนามัย เป็นต้น
-
เพื่อเป็นการป้องกันการกระทำที่ไม่เหมาะสมหรือผิดกฎหมาย กรมอนามัยอาจมีการตรวจสอบข้อมูลที่เก็บ รวบรวม รวมถึงข้อมูลในกล้อง CCTV เพื่อสอดส่องดูแล ตรวจจับ และป้องกันไม่ให้มีการกระทำที่ไม่เหมาะสมหรือผิดกฎหมาย
-
เพื่อปกป้องและระงับอันตรายที่อาจเกิดกับท่าน อาจมีการใช้ข้อมูลของท่านในกรณีที่กรมอนามัยเห็นว่าอาจมีความเสี่ยงหรืออันตรายอย่างร้ายแรงหรือมีการละเมิดต่อท่านหรือผู้ใดก็ตาม
-
เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่ใช้บังคับหรือปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของกรมอนามัย
4. ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูล
กรมอนามัย จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของไว้เป็นระยะเวลา ตราบเท่าที่วัตถุประสงค์ของการนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ยังคงมีอยู่ หลังจากนั้น กรมอนามัยจะลบ ทำลายข้อมูล หรือทำให้ข้อมูลไม่สามารถระบุตัวตนได้ เว้นแต่กรณีจำเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลต่อไปตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด หรือเพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของกรมอนามัย
โดยปกติในกรณีทั่วไประยะเวลาการเก็บข้อมูลจะไม่เกินกำหนดระยะเวลา ๑๐ (สิบ) ปี เว้นแต่จะมีกฎหมายกำหนดให้เก็บรักษาข้อมูลไว้เป็นระยะเวลานานกว่าที่กำหนดไว้ดังกล่าวข้างต้น หรือหากมีความจำเป็น เพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ เช่น เพื่อความปลอดภัย เพื่อการป้องกันการละเมิดหรือการประพฤติมิชอบ หรือเพื่อการเก็บบันทึกทางการเงิน
5. การเปิดเผยหรือแบ่งบันข้อมูลส่วนบุคคล
กรมอนามัย จะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลโดยไม่มีฐานการประมวลผลข้อมูลโดยชอบด้วยกฎหมาย โดยข้อมูลของท่านอาจถูกเปิดเผย หรือโอนไปยังองค์กร หน่วยงานของรัฐหรือบุคคลภายนอก รวมถึงโรงพยาบาลหรือหน่วยงานภายในอื่น ๆ ของกรมอนามัย เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการดำเนินการดังนี้
-
เพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจรักษาโรคและให้บริการทางการแพทย์
กรมอนามัย อาจทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปให้หน่วยงานภายนอก
เช่น การประสานงานกับโรงพยาบาลอื่น นอกเหนือจากโรงพยาบาลในสังกัดของกรมอนามัย เพื่อติดต่อปรึกษาแพทย์หรือบุคลากรหรือระบบอื่น ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านที่จำเป็นแก่การบำบัดรักษาท่าน ซึ่งจะทำให้ท่านได้รับบริการทางการแพทย์ที่เหมาะสมหรือมีประสิทธิภาพมากขึ้น
-
เพื่อการให้บริการทางการแพทย์ในกรณีจำเป็นต้องเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างสถานพยาบาล
การส่ง "สิ่งส่งตรวจ" ของท่านไปยังหน่วยงานเฉพาะทาง การร้องขอสิ่งสนับสนุนที่จำเป็น เช่น การขอโลหิตหรือการขอรับบริจาคอวัยวะ เพื่อการรับ-ส่งต่อผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาล (Refer) การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่โรงพยาบาล หรือสถาบันการศึกษาอื่น ๆ เพื่อประโยชน์ด้านการศึกษาและการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาล
-
เพื่อวัตถุประสงค์ในการเชื่อมโยงฐานข้อมูลสุขภาพรายบุคคล
กรมอนามัย จะนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อเชื่อมโยงฐานข้อมูลสุขภาพระหว่างสถานพยาบาลในเครือข่าย ให้สามารถเรียกดูข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคลของท่านผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ในการให้บริการสุขภาพและเพื่อการดูแลสุขภาพของเจ้าของข้อมูล
-
เพื่อใช้สิทธิประโยชน์ในการรักษาพยาบาล
กรมอนามัย จะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อใช้สิทธิประโยชน์ในการรักษาพยาบาลจากกองทุนประกันสุขภาพถ้วนหน้า ประกันสังคม สวัสดิการราชการ หรือ สวัสดิการอื่น ๆ ตามที่ท่านได้ขึ้นทะเบียนไว้หรือตามที่กฎหมายกำหนด
-
สถาบันการเงิน กรมอนามัย อาจทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปให้สถาบันการเงิน ธนาคาร บริษัทบัตรเครดิต บริษัทประกันภัยที่เป็นคู่สัญญาของท่าน หรือหน่วยงานทวงถามหนี้ ตามที่จำเป็น ในการทำการจ่ายและรับชำระเงินตามที่มีการร้องขอ โดยกรมอนามัยจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อบุคคลที่มีอำนาจในการเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวตามที่กฎหมายกำหนด และสามารถพิสูจน์ได้ว่าตนมีอำนาจในการเข้าถึงดังกล่าวเท่านั้น
-
หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง กรมอนามัย อาจทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น การรายงานกับหน่วยงานกำกับดูแลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง หรือการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายอื่นใดที่กรมอนามัยต้องปฏิบัติตาม
-
ผู้ให้บริการภายนอก กรมอนามัย อาจทำเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้ในระบบประมวลผลแบบคลาวด์ (Cloud Computing) โดยใช้บริการจากบุคคลที่สาม ไม่ว่าตั้งอยู่ในประเทศไทยหรือต่างประเทศหรือผู้ให้บริการเซิร์ฟเวอร์สำหรับเว็บไซต์ การวิเคราะห์ข้อมูล การประมวลผลการจ่ายและรับชำระเงิน การทำคำสั่งซื้อ การให้บริการโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นต้น
ในกรณีที่กรมอนามัย จำเป็นต้องส่งข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลให้แก่บุคคลภายนอกกรมอนามัยจะดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสม เพื่อให้มั่นใจว่าบุคคลภายนอกจะดูแลข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล ไม่ให้เกิดการสูญหาย การเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต การใช้ การตัดแปลงหรือการเปิดเผยและการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง
6. การโอนข้อมูลไปต่างประเทศ
กรมอนามัยจะทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อผู้รับข้อมูลในต่างประเทศ เฉพาะกรณีที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้ทำได้เท่านั้น ทั้งนี้ กรมอนามัยอาจปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การโอนข้อมูลระหว่างประเทศ โดยเข้าทำข้อสัญญามาตรฐานหรือใช้กลไกอื่นที่พึงมีตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลที่ใช้บังคับ และกรมอนามัยอาจอาศัยสัญญาการโอนข้อมูล หรือกลไกอื่นที่ได้รับการอนุมัติเพื่อการโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ
7. มาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูล
กรมอนามัย จะใช้มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งครอบคลุมถึงมาตรการป้องกันด้านการบริหารจัดการ (Administrative Safeguard) มาตรการป้องกันด้านเทคนิค (Technical Safeguard) และมาตรการป้องกันทางกายภาพ (Physical Safeguard) ในเรื่องการเข้าถึงหรือควบคุมการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล (Access Control) เพื่อป้องกันการเข้าถึงและเปิดเผยข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต และสอดคล้องกับการดำเนินงานของกรมอนามัย และมาตรฐานที่รับรองโดยทั่วไป
กรมอนามัย กำหนดให้เจ้าหน้าที่ของกรมอนามัยเข้ารับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลการจัดจ้างผู้ให้บริการภายนอก กรมอนามัยจะมีการสอบทานและปรับปรุงมาตรการต่าง ๆเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ให้บริการภายนอกที่กรมอนามัยทำการว่าจ้างจะมีการใช้มาตรการในการเก็บรวบรวม ประมวลผลโอนย้าย จัดการ และรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลอย่างเพียงพอในการให้บริการภายใต้วัตถุประสงค์ของกรมอนามัย เป็นไปตามมาตรฐานต่าง ๆ ของประเทศ และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง
กรมอนามัย จัดทำนโยบายและขั้นตอนวิธีการต่าง ๆ เพื่อการจัดการข้อมูลอย่างปลอดภัยและป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
-
กำหนดนโยบายและขั้นตอนวิธีการต่าง ๆ เพื่อจัดการข้อมูลอย่างปลอดภัย และอาจกำหนดเพิ่มเติมในสัญญาระหว่างกรมอนามัยกับคู่สัญญาแต่ละราย
-
มีการบริหารจัดการสิทธิของพนักงานและลูกจ้างในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม
-
ป้องกันการเข้าถึงข้อมูลของท่านโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยใช้การเข้ารหัสข้อมูล การตรวจสอบตัวตนและเทคโนโลยีการตรวจจับไวรัสตามความจำเป็น รวมถึงจัดให้มีช่องทางการสื่อสารแบบปลอดภัยสำหรับข้อมูลดังกล่าวด้วยการเข้ารหัสลับข้อมูลดังกล่าว เช่น จัดให้มีการใช้ Secure Socket Layer (SSL) protocol เป็นต้น
-
บริหารจัดการให้ผู้ให้บริการภายนอกที่กรมอนามัยทำการว่าจ้าง ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ตามกฎหมาย และระเบียบต่าง ๆ ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
-
มีติดตามตรวจสอบเว็บไซต์และระบบออนไลน์ของกรมอนามัย ผ่านหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและการรักษาความมั่นคงปลอดภัย
-
จัดให้มีการฝึกอบรมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนวนบุคคลแก่บุคลากรของกรมอนามัย
-
ประเมินผลแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การจัดการข้อมูลและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลของกรมอนามัยเป็นประจำ
อย่างไรก็ดีแม้ว่ากรมอนามัยจะทุ่มเทและใช้ความพยายามในการดูแลข้อมูลให้มีความปลอดภัยด้วยการใช้เครื่องมือทางเทคนิคร่วมกับการบริหารจัดการโดยบุคคล เพื่อควบคุมและรักษาความปลอดภัยของข้อมูล มิให้มีการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลที่เป็นความลับของเจ้าของข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ไม่อาจรับประกันได้ว่าจะสามารถป้องกันความผิดพลาดได้ทุกประการ
8. สิทธิของเจ้าของข้อมูล
ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิร้องขอให้กรมอนามัยดำเนินการเกี่ยวกับ
ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามขอบเขตที่กฎหมายอนุญาตให้กระทำได้ ดังนี้
๘.๑ สิทธิในการขอรับข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิที่จะขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของตน และมีสิทธิที่จะร้องขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลของเจ้าของข้อมูล
๘.๒ สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคคล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิที่จะคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตนได้ ด้วยเหตุบางประการตามที่กฎหมายกำหนด
๘.๓ สิทธิในการขอให้ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอให้ลบ
หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลได้ ด้วยเหตุ
บางประการได้ตามที่กฎหมายกำหนด
๘.๔ สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอให้กรมอนามัยระงับ
การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองด้วยเหตุบางประการ ตามที่กฎหมายกำหนด
๘.๕ สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง ในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลมีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของข้อมูลสามารถดำเนินการยื่นคำขอแก้ไขข้อมูลดังกล่าวได้ เพื่อทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลนั้น ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
๘.๖ สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม เจ้าของข้อมูลมีสิทธิที่จะเพิกถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ โดยการถอนความยินยอมดังกล่าวจะไม่กระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ ที่เจ้าของข้อมูลได้ให้ความยินยอมไปแล้วก่อนหน้านี้ ทั้งนี้หากการถอนความยินยอมจะส่งผลกระทบต่อข้อมูลส่วนบุคคลในเรื่องใด กรมอนามัยจะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบถึงผลกระทบจากการถอนความยินยอม
อนึ่ง กรมอนามัย อาจปฏิเสธคำขอใช้สิทธิข้างต้น หากการดำเนินการใด ๆ เป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์หรือเป็นกรณีที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือเป็นกรณีที่อาจส่งผลกระทบและก่อให้เกิด
ความเสียหายต่อสิทธิหรือเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลหรือบุคคลอื่น หรือเป็นการดำเนินการเพื่อการศึกษาวิจัยทางสถิติที่มีมาตรการปกป้องข้อมูลที่เหมาะสม หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้อง การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องหรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
9. การปรับปรุงหนังสือแจ้งการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
กรมอนามัย อาจมีปรับปรุงเนื้อหาของหนังสือแจ้งการประมวลผลนี้เป็นครั้งคราว เพื่อให้แน่ใจว่าเนื้อหาจะมีความเหมาะสมและเป็นปัจจุบัน หากกรมอนามัยมีการปรับปรุงและแก้ไขหนังสือแจ้งฉบับนี้
จะแสดงบนเว็บไซต์ https://pdpa.anamai.moph.go.th/th ของกรมอนามัย
10. ช่องทางการติดต่อ
หากท่านมีข้อเสนอแนะ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการขอใช้สิทธิตามนโยบายฉบับนี้ ท่านสามารถติดต่อได้ผ่านช่องทางดังนี้
ศูนย์อนามัยที่ 11 นครศรีธรรมราช
99 ม.2 ต.บางจาก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช 80330
โทรศัพท์ : 075 399460
โทรสาร : 075 399124
อีเมล : hpc11@anamai.mail.go.th