ศอ.11 ร่วมการประชุมพัฒนาแนวทางการลงข้อมูลบริการทันตกรรมในสถานพยาบาลเรือนจำ

ตามที่กรมอนามัยได้ดำเนินโครงการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในช่องปากในกลุ่มผู้ต้องขัง ภายใต้โครงการพระราชดำริ “ราชทัณฑ์ปันสุข ทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบดูแลสุขภาพช่องปากในสถานกักขัง และกำหนดให้งานดังกล่าวเป็นตัวชี้วัดในการตรวจราชการ โดยใช้ข้อมูลผลงานจากระบบรายงาน HDC เพื่อยกระดับคุณภาพการบันทึกข้อมูลในสถานบริการเรือนจำให้สามารถบันทึกข้อมูล ส่งออก และดูรายงานได้เช่นเดียวกับสถานบริการทั่วไป แต่ปัญหา คือ สถานกักขังส่วนใหญ่ไม่สามารถนำเข้ารายชื่อสถานบริการเรือนจำในระบบรายงาน HDC รวมทั้งมีปัญหาในการส่งออกระบบข้อมูล
สำนักทันตธารณสุข กรมอนามัย จึงได้จัดการประชุมพัฒนาแนวทางการลงข้อมูลบริการทันตกรรมในสถานพยาบาลเรือนจำ เพื่อหารือการบันทึก การส่งออก และการติดตามรายงานข้อมูลในระบบรายงาน HDC ให้ถูกต้อง และเป็นในทิศทางเดียวกัน โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจาก สำนักทันตธารณสุข กรมอนามัย และผู้รับผิดชอบงานทันตสาธารณสุข ทั้งระดับจังหวัด คือ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และ ระดับปฏิบัติการ คือ โรงพยาบาลแม่ข่ายที่มีสถานกักขังอยู่ในเขตรับผิดชอบ เข้าร่วมการประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล จำนวน 30 user โดยงานทันตสาธารณสุข ศูนย์อนามัยที่ 11 ในบทบาทของการเป็นผู้นิเทศงาน ตามตัวชี้วัด โครงการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในช่องปากในกลุ่มผู้ต้องขัง ภายใต้โครงการพระราชดำริ “ราชทัณฑ์ปันสุข ทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์” เข้าร่วมการประชุม ให้ข้อเสนอแนะในครั้งนี้ด้วย และ ยังได้รับเกียรติจาก นายวสันต์ สายทอง รองผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ กระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมให้คำแนะนำ ในที่ประชุมด้วย
จากเดิมที่ สำนักทันตธารณสุข กรมอนามัย กำหนดแนวทางการใช้ข้อมูลในระบบรายงาน HDC จากรายงานหมวดความครอบคลุมการบริการ ในการติดตามผลการดำเนินงานการจัดบริการสุขภาพช่องปากในกลุ่มผู้ต้องขัง พบว่า หลายหน่วยบริการเรือนจำ ไม่ปรากฏชื่อสถานบริการเรือนจำในระบบรายงาน ไม่สามารถ นำเข้าข้อมูล หรือบันทึกข้อมูลในหน่วยบริการเรือนจำได้ นอกจากนี้ รายงานที่ส่วนกลางกำหนด ยังไม่สามารถสะท้อนผลการปฏิบัติงานจริงในเรือนจำ ที่ประชุม จึงได้มีการอภิปราย หารือ แลกเปลี่ยน และรับฟังข้อเสนอจากพื้นที่ต่างๆ
สถานการณ์การจัดการเรื่องระบบข้อมูลใน เขต 11 มีการติดตามนิเทศจนทุกหน่วยบริการสถานพยาบาลเรือนจำทุกแห่ง ในเขตสุขภาพที่ 11 สามารถนำเข้าและปรากฏชื่อหน่วยบริการสถานพยาบาลเรือนจำใน HDC ทั้งหมด สามารถนำเข้าฐานข้อมูลประชากร ได้ เกือบทั้งหมด ยกเว้น สถานกักขัง 3 แห่ง ในจังหวัดนครศรีธรรมราช สถานกักขัง 1 แห่ง ใน จังหวัดสุราษฎร์ธานี สถานกักขัง 1 แห่ง ใน จังหวัดชุมพร และ จังหวัดภูเก็ต เนื่องจากทีมผู้รับผิดชอบงานยังติดภารกิจการจัดการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส ที่มีการระบาดหลายระลอกในสถานกักขัง จึงยังไม่สะดวกในการดำเนินการในขณะนี้ แต่หน่วยบริการที่มีรายงานฐานประชากรแล้ว สามารถส่งออกข้อมูลจากหน่วยบริการเรือนจำได้ทั้งหมด งานทันตสาธารณสุข ศูนย์อนามัยที่ 11 จึงได้ ร่วมหารือ และแลกเปลี่ยนการทำงานในที่ประชุม และได้ให้ข้อเสนอต่อส่วนกลาง ในการประเมินผลการดำเนินงานจากรายงานในระบบ HDC ในหมวดการเข้าถึงบริการแทนการประเมินจากรายงานความครอบคลุม เนื่องจากสะท้อน การจัดบริการที่หน่วยบริการนั้นๆมากกว่า และ มีรายงานในระบบ HDC ให้ใช้ได้ครบถ้วนถูกต้อง สะท้อนการปฏิบัติงานจริง มากกว่า รายงานที่กำหนดเดิมจากส่วนกลาง รวมทั้งเสนอให้บันทึกข้อมูลบริการในหน่วยบริการเรือนจำนั้นๆ แล้วส่งออกโดยการบีบอัดข้อมูล และส่งออกขึ้นระบบในพื้นที่ที่มีสัญญาณอินเตอร์เนตหรือ สามารถเชื่อมข้อมูลกับ saver ได้ นอกจากนี้ ยังเสนอแนะให้มีการปรับปรุงฐานข้อมูลประชากร ให้เป็นปัจจุบันอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากผู้ต้องขัง มีการเข้า ออก จากหน่วยบริการตลอดเวลา โดยนายวสันต์ สายทอง รองผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ ยังได้เสริมและเห็นด้วยกับการเลือกใช้รายงานดังกล่าว และแนะนำให้ผู้รับผิดชอบงานระบบข้อมูลและเทคโนโลยีของจังหวัดเปิดรหัสสถานบริการเรือนจำ ซึ่งมีการกำหนดแล้ว แจ้งไปยังผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ และ ผอ.กองยุทธศาสตร์และแผนงาน กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้มีรายชื่อหน่วยบริการเรือนจำในระบบรายงาน HDC Service รวมทั้งแนะนำการบันทึกและส่งออกข้อมูล ผ่าน client ที่มี Saver ที่ตั้งในสถานกักขัง หรือ ถ้ายังไม่สะดวก จะแยก Saver ของหน่วยบริการเรือนจำ ที่ตั้งอยู่ที่หน่วยบริการอื่นก็ได้